5 เคล็ดลับเฮงทำกระเป๋าสตางค์ให้มีเงินเข้าออกและอยู่นาน

 แน่นอนว่าไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็อยากให้เงินนั้นอยู่ในกระเป๋านาน ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความอุ่นใจกันเสียทั้งนั้น แต่เราจะทำอย่างไรล่ะ ให้ความเฮงเกิดขึ้นกับตัวเราได้มากยิ่งขึ้น วันนี้จึงได้นำเอาเคล็ดลับความเฮง ทำให้กระเป๋าสตางค์มีเงินเข้าออกได้เป็นแกติ แต่อยู่ได้นาน ๆ มาฝากกัน 5 เคล็ด (ไม่) ลับ เสริมความเฮง ให้กระเป๋าสตางค์ ไม่ขัดสนเรื่องเงิน             เงิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบัน เพราะหากไม่มีสิ่งนี้อยู่ ก็ไม่สามารถที่จะทำการซื้อของหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้เลยแม้แต่น้อย แต่ในทุก ๆ วัน เงินนั้นจะเข้าและออกในกระเป๋าอยู่ตลอด ๆ พอเงินน้อย เราก็เริ่มรรู้สึกได้ถึงความกังวลใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่วันนี้มาลองเสริมความเฮงให้กระเป๋าสตางค์ที่ใช้กันดีกว่า โดยเคล็ดลับที่จะทำให้เงินเข้าออกกระเป๋าอยู่ได้นานนั้น มีดังนี้ ทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ หมั่นทำความสะอาดกระเป๋าที่คุณใช้งานอย่างถูกวิธี ให้มีความสม่ำเสมอ เพื่อทำให้กระเป๋าใบนั้น ๆ ดูน่าใช้ และสะอาดตามากยิ่งขึ้น เอาของที่ไม่จำเป็นออกจากกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็น บิล ใบเสร็จ หรือเศษกระดาษใด ๆ ก็ตาม หากไม่จำเป็น แนะนำให้เอาออกจากกระเป๋าสตางค์เสีย เพราะการมีสิ่งเหล่านี้อยู่ นอกจากจะทำเกิดความรกแล้ว ยังทำให้กระเป๋าดูไม่น่าใช้งานอีกด้วย พกเครื่องรางติดเอาไว้ ใครที่มีเครื่องรางเสริมในเรื่องความเฮงความปังรัยกทรัพย์เข้ากระเป๋า…

ดอกไม้มงคลเสริมดวง ด้านโชคลาภ การเงิน การงาน ความรัก

ดอกไม้นานาชนิดนอกจากที่จะสามารถนำมาจัดเป็นช่อเพื่อเพิ่มความสวยงาม หรือนำมาใส่แจกันตั้งวางประดับให้ดูมีความงดงามด้วยแล้ว มันก็ยังมีความมงคลที่ทำให้ผู้คนมากมายนิยมบูชา ซึ่งเป็นที่มาของความเชื่อในด้านต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถปลูกเอาไว้ เพื่อเป็นการตกแต่งบ้านเสริมดวงฮวงจุ้ยและในด้านการเงินการงาน รวมไปถึงความรักได้อีกด้วย รวม ดอกไม้มงคล เสริมดวง ความรัก การงาน และการเงิน             ดอกไม้มงคล คือ ดอกไม้ที่ปลูกแล้วได้รับความเป็นมงคลทั้งต่อผู้อยู่อาศัย รวมไปถึงผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งดอกไม้แต่ละชนิดก็จะมีความเป็นมงคลที่แตกต่างกันออกไป และวันนี้เราได้นำเอาดอกไม้มงคลที่มีความเกี่ยวข้องกับด้านการงาน ความรัก และการเงิน มาฝากกันจะมีดอกใดบ้างนั้นก็มาดูกันได้เลย ด้านการงาน ดอกดารารัตน์ ดอกดารารัตน์ เป็นดอกไม้สีขาวสวยงามสื่อถึงการไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังอีกทั้งสีเหลืองสดที่อยู่ภายใน จัดเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9 เชื่อว่าหากนำดอกดารารัตน์มาวางไว้ที่โต๊ะทำงานจะช่วยเสริมดวงเรื่องการงานและเป็นอย่างดี ดอกกล้วยไม้ ดอกกล้วยไม้ เป็นดอกไม้ที่มีสีสันสวยงามเหมาะแก่การตกแต่งประดับเป็นอย่างมาก โดยคนสมัยก่อนเชื่อว่าหากใครที่ได้ปลูกต้นกล้วยไม้เอาไว้จะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยมีความเจริญรุ่งเรืองแต่ได้หน้าที่การงานให้มีความมั่นคง โดยสีชมพูและสีส้มนั้นจะสื่อ ถึงความสุข สีขาวและสีม่วง จะสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองนั่นเอง ดอกโบตั๋น ดอกโบตั๋น ดอกไม้ชนิดนี้นอกจากจะสวยงามแล้วยังมีความหมายที่น่าหลงใหลอีกด้วย โดยชาวตะวันออกเชื่อว่า ดอกโบตันจะช่วยเสริมดวงในเรื่องความรักและยังทำให้การงานมีความเจริญก้าวหน้ามั่นคง สมความปรารถนา ด้านความรัก ดอกบานไม่รู้โรย ดอกบานไม่รู้โรย เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงเรื่องของความรักได้เป็นอย่างดี โดยมีความเชื่อว่าหากใครที่ได้โปรดกลับมาไม่รู้โรยเอาไว้ภายในบ้าน จะทำให้คู่รักของเขาผูกพันแน่นแฟ้นและยังรักกันหวานชื่นตลอดไป ดอกแก้ว ดอกแก้ว เป็นดอกไม้มงคลที่มีกลิ่นหอมอ่อน…

ทำไมต้องไปไหว้ขอหวยและโชคลาภ

แน่นอนว่าในเรื่องของการเสี่ยงโชคเป็นเรื่องของโชคลาภทั้งสิ้น ซึ่งหากจะให้ดีก็ต้องทำการขอพรกับเทพเจ้าผู้ที่จะประทานพรในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยเฉพาะใครที่เป็นคอหวยจะไม่รู้จักกับเจ้าพ่อยี่กอฮง เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านผู้นี้ถือเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านการเสี่ยงโชคเป็นอย่างมาก หรือในใครที่เล่นการพนันอยู่เป็นประจำก็มักที่จะเดินทางไปขอพรกับเทพท่านนี้ ณ สถานีตำรวจพลับพลาชัยกันอยู่บ่อยครั้ง แล้วท่านเป็นใครทำไมจึงมีผู้คนมากมายให้การเคารพนับถือเช่นนี้ วันนี้เรามีคำตอบมาบอกให้คุณได้รู้กัน ประวัติ เจ้าพ่อยี่กอฮง             เจ้าพ่อยี่กอฮง หรือ รองหัวหมื่นพระอนุวัฒน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) มีชื่อจีนว่า แต้หงี่ฮง หรือ ยี่กอฮง เกิดเมื่อวันอังคารขึ้น 10 ค่ำเดือน 3 ปีจอ พ.ศ 2394  ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าท่านนั้นเกิดในประเทศไทยหรือเดินทางมาจากประเทศจีน โดยท่านประกอบอาชีพค้าขายและมีตำแหน่งเป็นนายอากรที่มีชื่อเสียงอยู่ในยุคนั้นเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคมพ.ศ 2479 รวมอายุได้ 87 ปี             มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า นายเกีย ผู้เป็นบิดาได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพระนคร โดยเปิดเป็นร้านขายผ้าอยู่ที่หัวมุม 4 กั๊กพระยาศรี เสาชิงช้า ซึ่งเมื่อยี่กอฮงอายุประมาณ 7 ขวบ บิดาและมารดาก็ถึงแก่กรรม ทำให้ญาติฝ่ายบิดาที่เป็นคุณจีนได้รับกลับไปอยู่ที่เมืองจีน จนกระทั่งอายุ 16 ปีท่านก็ได้กลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง…

ของ 5 สิ่ง อย่าวางหน้าบ้าน ขวางทางทรัพย์ โชคลาภ

บ้านถือเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการอยู่อาศัยและการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องของฮวงจุ้ยก็มีผลที่จะช่วยส่งต่อพลังงานบวกให้กับพื้นที่โดยรอบบ้าน หากมีการจัดบ้านได้อย่างเรียบร้อยและมีความเหมาะสมตรงตามหลักฮวงจุ้ยนั่นเอง โดยเฉพาะในบริเวณหน้าบ้านที่ถือว่าเป็นจุดแรกในการรับพลังงานสำคัญจึงควรจัดให้มีความสะอาดโล่งดูไม่รกเพื่อเป็นการต้อนรับพลังงานที่ดีเข้าสู่บ้านนั่นเอง โดยของ 5 สิ่งที่ไม่ควรวางไว้หน้าบ้านเพราะอาจทำให้ทรัพย์และโชคลาภต่าง ๆ ไม่เข้าสู่ตัวบ้านได้นั้นก็มีดังนี้ ไม้กวาด ไม่ควรวางไม้กวาดไว้หน้าบ้าน เพราะเชื่อว่าไม้กวาดนั้นเป็นตัวแทนของสิ่งชั่วร้ายหรือสิ่งไม่ดี ซึ่งหากวางไว้หน้าบ้านก็เปรียบเสมือนการกวาดโชคลาภและสิ่งมงคลต่าง ๆ ออกจากบ้านไป ทางที่ดีควรจัดเก็บไม้กวาดไว้ในบริเวณที่ควรเก็บ ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บของห้องเก็บของหรือจะเป็นในส่วนของของใช้ทั่วไปจะดีกว่า วัตถุมีคม ในหลักของฮวงจุ้ย วัตถุมีคมถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะหากของแหลมคมเหล่านี้ชี้ตรงมาที่บ้าน จะส่งผลเสียต่อโชคลาภของผู้คนในครอบครัวหรืออาจจะทำให้เจ้าของบ้านได้รับอันตรายจากบางสิ่งบางอย่างได้ ก๊อกน้ำที่มีน้ำรั่วซึม เมื่อน้ำเปรียบเสมือนกับโชคลาภและความมั่งคั่งหากเรานำเอาก๊อกน้ำที่มีน้ำรั่วซึมวางไว้หน้าบ้าน ก็เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ของการสูญเสียโชคลาภและความมั่งคั่งนี้ไป อีกทั้งก๊อกน้ำที่มีน้ำรั่วซึมเหล่านี้ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดี หากอยากมีก๊อกน้ำไว้หน้าบ้านจึงควรซ่อมแซมไม่ให้เกิดน้ำรั่วซึมและดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ ขยะหรือของที่ไม่ได้ใช้ เป็นที่ทราบกันดีว่าขยะนั้นเป็นของที่ไม่สะอาด และแน่นอนว่าในทางฮวงจุ้ยสิ่งที่ไม่สะอาดก็เป็นการก่อพลังงานที่ไม่ดี และหากนำเอาสิ่งเหล่านี้กองเอาไว้อยู่หน้าบ้านก็อาจจะนำพาสิ่งไม่ดีเข้าสู่ตัวบ้านได้อีกทั้งยังทำให้บริเวณบ้านดูไม่สวยงามส่งกลิ่นเหม็นไม่เป็นที่เหมาะสมต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้าน ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหน้าบ้าน หากถามว่าเราสามารถปลูกต้นไม้เอาไว้ในบริเวณบ้านได้หรือไม่ คำตอบคือได้แต่สำหรับต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมหน้าบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะหากต้นไม้ได้ปกคลุมหน้าบ้านแล้วก็เปรียบเสมือนกับการปิดกั้นทางเข้าออกของโชคลาภดังนั้นจึงไม่ควรปลูกต้นไม้เยอะจนเกินไป หรือควรดูแลและตัดแต่งกิ่งเป็นประจำเพื่อทำให้โชคลาภหลั่งไหลเข้ามาในบ้านได้นั่นเอง ดังนั้นการพิจารณาการวางสิ่งของไว้หน้าบ้านเหล่านี้ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านพึงกระทำเพื่อให้โชคลาภและทรัพย์สินต่าง ๆ หลั่งไหลเข้าสู่บ้านพร้อมรับพลังดี ๆ จากศาสตร์ฮวงจุ้ยที่มีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณและสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้อยู่อาศัยมีจิตใจชื่นบานและพบกับความสุขตลอดไป อีกทั้งหากมองในด้านความเป็นจริงการวางสิ่งของเหล่านี้เอาไว้หน้าบ้าน ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรนำเอา 5 สิ่งของดังกล่าววางไว้หน้าบ้านนั่นเอง

ที่ดินต้องห้าม

ในการสร้างบ้านแต่ละครั้ง เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็จะต้องมีการดูเรื่องของฮวงจุ้ยบ้านและที่ดินที่มีความเหมาะสมต่อการสร้างบ้านกันเสียทั้งนั้น ซึ่งหากได้ที่ดินที่มีความเป็นมงคลและมีทำเลที่ดีนั้น ก็จะทำให้บ้านของคุณมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองเข้ามา และไม่ทำให้สิ่งชั่วร้ายเข้าไปสิงสู่ได้ซึ่งในขณะเดียวกัน หากที่ดินนั้นเป็นที่ดินต้องห้ามก็จะทำให้การสร้างบ้านหรือการอยู่อาศัยเรื่องไม่ดีขึ้นมาได้ 4 วิธี เลือกที่ดินสร้างบ้าน สร้างแล้วดี             การเลือกที่ดินหรือทำเลสำหรับการสร้างบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะแน่นอนว่าการสร้างบ้านก็ถือเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ และยังต้องอยู่อาศัยกันอย่างยาวนาน จึงทำให้ผู้ปลูกควรพิจารณาถึงรูปแบบของที่ดินและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามตำราฮวงจุ้ยหรือมีความเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยนั่นเอง โดยวิธีการเลือกที่ดินสร้างบ้านให้ดีและมีศิริมงคลมีดังนี้ ตรวจสอบข้อมูลของที่ดินผืนนั้นให้แน่ชัด การตรวจสอบข้อมูลของที่ดินผืนนั้นคือการตรวจดูภูมิหลังว่าก่อนที่จะมีการขายที่ดินที่แห่งนี้เป็นอะไรมาก่อน หากเป็นสถานพยาบาล , ศาสนสถาน , โรงฆ่าสัตว์ , หรือสุสาน เหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะเป็นแหล่งรวมพลังงานด้านลบเอาไว้มากมาย ไม่ควรอยู่ใกล้แม่น้ำมากเกินไป ที่ดินที่ดีไม่ควรอยู่ใกล้แม่น้ำมากเกินไป เนื่องจากหากสร้างบ้านให้อยู่บริเวณใกล้แม่น้ำเสี่ยงต่อการเกิดน้ำกัดเซาะพังทลายได้ ซึ่งหากต้องการสร้างบ้านให้มีแม่น้ำ ก็ควรเว้นระยะห่างอย่างพอสมควรและไม่ควรเลือกปลูกในบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำนิ่ง ลักษณะของที่ดินต้องห้าม ตามหลักฮวงจุ้ยที่ดินที่ดีควรมีลักษณะเป็นแปรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งที่ดินเหล่านี้นอกจากจะสามารถสร้างบ้านได้อย่างสวยงามแล้วก็ยังมีความสมดุลกันทั้ง 4 ด้านทำให้เกิดความมั่นคงของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่สำหรับที่ดินที่ไม่ดีจะมีลักษณะดังนี้ มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือชายธง เป็นรูปอีโต้หรือรูปค้อน ที่ดินผืนนั้นต่ำกว่าพื้นที่โดยรอบ ที่ดินตาบอดหรือเป็นที่ที่ถูกล้อมรอบจากที่ดินของผู้อื่น ลักษณะของสภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน นอกจากการพิจารณาในเรื่องของลักษณะที่ดินต้องห้ามให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ในเรื่องของสภาพแวดล้อมรอบบ้านก็เช่นเดียวกัน โดยสภาพแวดล้อมต้องห้ามที่ไม่ควรเลือกปลูกบ้านมีดังนี้ หากบ้านหลังนั้นอยู่ใกล้กับบริเวณศาลเจ้า ศาลพระพรหม หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง…

สี่หูห้าตาคืออะไร

4 หู 5 ตาถือเป็นตำนานเรื่องเล่าที่มีการเล่าสืบต่อกันมาของทางภาคเหนือ ซึ่งหลาย ๆ คนเชื่อว่าแมลงชนิดนี้จะเป็นเทพที่จัดดลบันดาลให้โชคลาภแก่ผู้ที่ได้มาเคารพสักการะ และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสิ่งนี้ให้มากยิ่งขึ้น ว่าคืออะไรและจะสามารถบันดาลความเกี่ยวกับเรื่องใดได้บ้าง ประวัติ สี่หูห้าตา             4 หู 5 ตาหรือแมงสี่หูห้าตาตามคัมภีร์ใบลาน ของวัดแช่ช้าง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ระบุไว้ว่าในเมืองพันธุมติมีท้าวพันธุมติผู้เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองอยู่พร้อมกับมเหสีอีก 7 พระองค์ ในบริเวณทางเหนือของเมืองมีครอบครัวสองสามีภรรยาและลูกชายที่มีอายุ 7 ปี ซึ่งใน 4 ปีต่อมามารดาของเขาก็ได้เสียชีวิตไป จากนั้นบิดาก็เสียชีวิตตามไปแต่ได้มีการสั่งเสียว่าเมื่อตนตายให้นำร่างไปฝังไว้ใกล้กับกระท่อม และเมื่อศีรษะหลุดให้นำมาบูชาทุกเช้าเย็น จนเมื่อลูกชายอายุครบ 16 ปีจึงให้ลากศีรษะไปยังเมืองพันธุมติ หากศีรษะได้ไปติดอยู่ที่ใดก็ให้ทำเป็นกับดักสัตว์ไว้แทน ซึ่งลูกชายก็ได้ทำตามที่บิดาสั่งเสียเอาไว้             ในวันรุ่งขึ้นเขาได้กลับไปดูบริเวณกับดักอีกครั้ง และพบว่ามีสัตว์ใหญ่หน้าตาคล้ายหมีที่มี 4 หู 4 ตาติดกับดักอยู่ จึงได้นำกลับเอามาไว้ที่บ้านและเมื่อฟ้าเริ่มมืด เขาจึงได้ก่อไฟแต่สะเก็ดไฟแนนซ์ได้กระเด็นออกไป ซึ่งแมงตัวนี้ก็ได้กินสะเก็ดไฟนั้นทันที จนรุ่งสางก็ได้พบว่าแม้ 4 หู 5 ตาได้อุจจาระออกมาเป็นทองคำทำให้ท้าวพันธุมติได้เสนอเงื่อนไขว่าหากเขาสามารถสร้างรางน้ำทองคำขึ้นมาได้ จะยกเมืองรวมไปถึงราชธิดาที่เป็นที่หมายปองของกษัตริย์เมืองอื่น ๆ ให้ เมื่อเรื่องนี้ได้ไปถึงหูของชายหนุ่ม เขาจึงได้นำทองคำมาสร้างเป็นรางน้ำได้สำเร็จพระพันธุมติจึงได้ยกราชธิดาให้ตามที่ได้บอกไว้ แมงสี่หูห้าตา…

ประวัติพระคาถาชินบัญชร

พระคาถาชินบัญชรถือเป็นคาถาที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งคาถา ที่ตกทอดสืบมาจากลังกาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ทำการดัดแปลงแต่งเติมให้มีเอกลักษณ์พิเศษและดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดที่ได้ทำการสวดภาวนาคาถานี้เป็นประจำจะทำให้เขาผู้นั้นได้รับความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยอันตรายและคุณไสยต่าง ๆ รวมไปถึงศัตรูยังไม่กล้าเข้ามากล้ำกลายเขาผู้นั้นอีก             โดยพระคาถานี้มีอายุยาวนานนับร้อยปีตั้งแต่ ช่วงสมัยของรัชกาลที่ 2 มาจนถึงปัจจุบันทำให้ความศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก และยังนิยมท่องพระคาถานี้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง รวมไปถึงยังป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ให้กับตนได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าแท้ที่จริงแล้วพระคาถาบทนี้ใครเป็นผู้แต่งขึ้นมา ระหว่างสมเด็จพระพุทธจารย์โต พรหมรังษี และพระมหาเถระรูปหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญบาลีปกรณ์ จากจังหวัดเชียงใหม่ แต่ส่วนใหญ่ก็ได้ลงความเห็นว่าผู้แต่งคือสมเด็จพระพุฒาจารย์โตนั่นเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วท่านเป็นเพียงผู้นำพระคาถาชินบัญชรมาเผยแพร่ต่อเท่านั้น             เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกไว้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้ไปสวดพระคาถานี้เพื่อถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และด้วยความที่บทสวดมีความไพเราะพระองค์ จึงได้ซักถามท่านว่าได้แต่งเองหรือไม่ไปเอาบทสวดนี้มาจากที่ใด ซึ่งท่านก็ได้ตอบว่า พระคาถาบทนี้เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ ซึ่งท่านก็ได้ทำการแก้ไขและดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นลง เพราะของลังกาจะยาวกว่านี้ นั่นก็ทำให้ความเป็นไปได้ของการคาดเดาว่าพระภิกษุชาวล้านนาเป็นคนแต่งอาจจะเป็นความจริง คาถาชินบัญชร ควรสวดวันไหน มีวิธีอย่างไร             พระคาถาชินบัญชรควรเริ่มสวดในวันพฤหัสบดีเพราะในวันนี้ถือเป็นวันไหว้ครู โดยมีพิธีในการสวดดังนี้ เตรียมดอกไม้สามสีหรือดอกบัว 9 ดอกหรือจะเป็นดอกมะลิ 1 กำก็ได้ จุดธูปเป็นเลขคี่ไม่ว่าจะเป็น 3 ,  5 ,  หรือ…

พระสังกัจจายน์

หนึ่งในพระอรหันต์ที่มีความโดดเด่นและเป็นที่เคารพบูชาของผู้คนมากมายทั่วโลกต้องขอยกให้กับ พระสังกัจจายน์ ที่ถือว่าเป็นพระอรหันต์แห่งความอุดมสมบูรณ์และยังมีการปั้นรูปปั้นออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์มากที่สุด เมื่อใครได้เห็นก็มักจะรู้ได้ทันทีว่าพระพุทธรูปองค์นี้คือองค์ไหน ซึ่งผู้ที่ได้บูชาพระสังกัจจายน์จะเป็นผู้ที่ได้รับความมงคลลาภยศและความเจริญรุ่งเรือง ประวัติ พระสังกัจจายน์ พระสังกัจจายน์ หรือที่ชาวไทยหลาย ๆ คนเรียกว่า พระสังกระจาย ขึ้นชื่อว่าเป็นอรหันต์แห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยรูปลักษณ์ของท่านที่มีความอ้วนท้วม พุงพลุ้ย ดูอิ่มเอิบ และเบิกบาน ซึ่งท่านก็เป็นพระอรหันต์ 1 ใน 80 พระอสีติมหาสาวกในศาสนาของพระโคตมะพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็มีอีกชื่อหนึ่งว่ากัจจานะและในภาษาญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักในชื่อ คะเซ็นเน็น             คติการสร้างพระสังกัจจายน์ นิยมสร้างในแบบฉบับของจีน เพราะให้ความสวยงามและมีมนต์ขลังที่โดดเด่นมากกว่า ซึ่งลักษณะนิสัยที่โดดเด่นของพระพุทธสาวกท่านนี้คือจะมีความเฉลียวฉลาดรอบรู้และเป็นที่โปรดของพระพุทธองค์มีอิทธิฤทธิ์อำนาจบารมี หากผู้ใดได้บูชาพระสังกัจจายน์จะได้รับพรจากพุทธสาวกและเมื่อพูดถึงในเรื่องโชคลาภท่านก็ได้ทิ้งท้ายว่าชาวพุทธจำนวนไม่น้อย ต่างได้รับลาภอันประเสริฐซึ่งนั่นก็คือความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนั่นเอง คำบูชา พระสังกัจจายน์ ตั้งนะโม 3 จบแล้วกล่าว คำบูชาว่า “กัจจานะจะมหาเถโร พุทโธ พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะสุภา สิตัง พุทธะตังสะมะนุปปัตโต พุทธะโชตัง นะมามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม นะมุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิยินทะริยัง…

สัตว์บอกเหตุ

เชื่อว่าในปัจจุบันยังมีผู้คนไม่น้อยที่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องของสัตว์บอกเหตุ ที่เมื่อเราได้เห็นสัตว์ชนิดนี้หรือได้ยินเสียงร้องของสัตว์ตัวนี้แล้ว ในอนาคตจะเกิดเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีตามมาและจากความเชื่อเหล่านี้ 50% ก็เกิดขึ้นจริงและอีก 50% ก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ควรใช้วิจารณญาณเป็นอย่างยิ่งแต่ใด ๆ ก็ตามความเชื่อเหล่านี้ก็ได้ถูกปลูกฝังมาอย่างช้านานจนถึงปัจจุบัน จะมีสัตว์อะไรที่เป็นสัตว์บอกเหตุตามที่คนโบราณเชื่อไว้บ้างนั้นก็มาดูกันได้เลย 10 ความเชื่อ เมื่อสัตว์บอกเหตุ ที่ชาวไทยเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน นกที่เลี้ยงไว้ร้องตอนกลางคืนคนโบราณเชื่อว่าหากนกที่เราเลี้ยงไว้ส่งเสียงร้องในเวลาค่ำคืน อาจจะทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นภายในบ้านหรืออาจเกิดเหตุทะเลาะเบาะแว้งภายในบ้านได้ แมวดำวิ่งตัดหน้าการที่แมวดำวิ่งตัดหน้า คนโบราณให้ความเชื่อว่าอาจจะพบเจออุบัติเหตุในระหว่างเดินทาง หรืออาจเจออันตรายและเรื่องร้ายได้ หากเกิดเหตุการณ์นี้ให้เลื่อนเวลาออกเดินทางไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน งูเข้าบ้านคนโบราณเชื่อว่าหากงูเข้าบ้าน ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านจะได้รับโชคลาภ ไม่ว่าจะเป็นการเสี่ยงดวง หรือจะเป็นเงินทองและลาภก้อนใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ววัน จิ้งจกร้องทักหากใครได้ยินจิ้งจกร้องทักขณะที่กำลังจะออกจากบ้านหรือกำลังจะเดินทาง ให้เลื่อนการเดินทางนั้นไปก่อนเพราะไม่แน่ว่าในอนาคตอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และหากเสียงอยู่ด้านหน้าหรือด้านซ้าย ก็อาจจะทำให้คุณได้พบโชคลาภระหว่างเดินทาง ผึ้งทำรังในบ้านคนโบราณเชื่อว่าการที่ผึ้งเข้ามาทำรังในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านมีโชคลาภ ซึ่งโชคจะก้อนเล็กหรือก้อนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของรังผึ้งนั้น ๆ แต่หากคุณทำลายรังของมันก็จะทำให้เกิดโชคร้ายขึ้นกับคนในครอบครัว ผีเสื้อบินเข้าบ้านหากผีเสื้อบินเข้าบ้านหรือบินแล้วมาเกาะนิ่ง ๆ ไม่ไปไหนเชื่อว่าคนในบ้านจะพบเจอแต่เรื่องดี ๆ และเรื่องที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแต่ในทางกลับกันหากผีเสื้อเข้ามาตามดอกไม้คนในบ้านอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการเดินทาง หรือหากผีเสื้อบินเข้ามาแล้วเวียนไปเวียนมาอยู่ซ้ำ ๆ เชื่อว่าอาจจะเกิดการหักหลังจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อนร่วมงานนั่นเอง เต่าเดินเข้าบ้านหากบ้านไหนมีเต่าเดินเข้าบ้าน เชื่อว่าเต่านั้นจะนำพาความโชคดีมาให้กับเจ้าของบ้านหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน รวมไปถึงยังช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีให้ออกไปได้อีกด้วย คางคกขึ้นบ้านหากคางคกขึ้นบ้านเชื่อว่าบ้านหลังนั้นจะอุดมไปด้วยทรัพย์สินและเงินทองและมีความมั่งคั่งมั่นคง ตุ๊กแกอยู่ในบ้านคนโบราณเชื่อว่าหากตุ๊กแกอยู่ในบ้านเปรียบเสมือนกับวิญญาณบรรพบุรุษมาเยี่ยมเยียน ซึ่งก็จะช่วยดูแลคุ้มครองไม่ให้คนในบ้านได้รับอันตราย ซึ่งการส่งเสียงร้องเปรียบเสมือนการร้องเตือนลูกหลาน และนับว่าเป็นเรื่องดี หากร้องในยามค่ำคืนแต่หากร้องในตอนกลางวันจะเป็นลางบอกเหตุร้าย ว่าอาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว นกแสกบินผ่านแล้วร้องเสียงดังคนโบราณเชื่อว่านกแสกเป็น…

รู้จัก “เสาร์ 5” คืออะไร หนึ่งปีมีกี่ครั้ง ทำไมเป็นวันแรงแห่งปี?

คนไทยส่วนใหญ่จะได้ยินคำว่า “เสาร์ 5” กันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น จากปากต่อปาก หรือจากละครที่มีการนำชื่อนี้ไปตั้งเป็นชื่อเรื่องก็ดี โดยสิ่งนี้ถือเป็นความเชื่อโบราณที่มีความเกี่ยวข้องกับฤกษ์วันแรงของคนในสมัยก่อน แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังมีการพูดถึงวันเสาร์ 5 อยู่ไม่หาย ซึ่งในปี 2567 นี้ตรงกับวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเสาร์ 5 ว่าวันนี้คือวันอะไร ทำไมจึงกลายเป็นวันแรงที่เป็นความเชื่อด้านฤกษ์พิธีกรรมต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน เสาร์ 5 คืออะไร เสาร์ 5 คือวันเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ตามปฏิทินไทย ไม่ใช่ วันเสาร์ ที่ 5 อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจแต่อย่างใด และในปี 2561 วันที่ 13 เมษายนนั้นตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 และเป็นวันเสาร์อย่างพอดิบพอดี และในปีมะโรงนี้ถือว่าเป็นวันที่แรงอยู่พอตัวเลยทีเดียว อีกทั้งยังตรงกับวันสงกรานต์อีกด้วย ความเชื่อเรื่องเสาร์ 5              ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่าวันเสาร์…