ทำไมพระราหูต้องกลืนกินพระจันทร์และพระอาทิต

ทำไมพระราหูต้องกลืนกินพระจันทร์และพระอาทิตย์
ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ในอดีตมักจะถูกอธิบายด้วยเรื่องเล่าตำนานและความเชื่อ ก่อนที่มนุษย์จะเริ่มรู้จักกับคำว่าวิทยาศาสตร์ที่นำมาอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับ “ตำนานราหูอมจันทร์” และ “ตำนานราหูอมพระอาทิตย์” มาคู่กับปรากฏการณ์จันทรุปราคาและสุริยุปราคา พร้อมกับความเชื่อที่ว่าพระราหูเป็นผู้กลืนกินพระจันทร์และพระอาทิตย์ เราจะไปทำความรู้จักพระราหูว่าคือใครและทำไมต้องกลืนกินพระจันทร์และพระอาทิตย์ด้วย
ต้นกำเนิดพระราหู
ตำนานการกำเนิดพระราหูมีอยู่มากมายหลายตำรา แต่ที่มักจะได้ทราบได้เห็นกันบ่อย ๆ คือ 3 ตำราที่กล่าวไว้ดังนี้
พระราหูสร้างจากผีโขมด 12 ตัว บดป่นจนเป็นผง ห่อผ้าสีทองแล้วพรมน้ำอมฤตจนได้พระราหูที่มีกายสีนิลออกไปทางทองแดง
พระราหูเป็นโอรสของท้าวเวปจิตติกับนางสิงหิกา
พระราหูเป็นโอรสของพระพฤหัสบดีกับนางสิงหิกา
ลักษณะของพระราหู
พระราหูที่พบเจอตามตำนานในไทย มักจะมีร่างกายเพียงครึ่งท่อนบน ได้แก่ ศีรษะ คอ ไหล่ อก และแขนสองข้าง มีลักษณะเป็นยักษ์ ดวงตาโปน อ้าปากกว้าง มีเขี้ยวยาวโง้ง แลดูดุร้าย และสวมมงกุฎ โดยสร้างในลักษณะเดียวกันคือกำลังอมพระจันทร์หรือพระอาทิตย์
ตำนานความเชื่อพระราหูอมพระจันทร์และพระอาทิตย์
ในความเชื่อทางฝ่ายพราหมณ์กล่าวเล่าว่าเมื่อพิธีกวนน้ำอมฤตสำเร็จแล้ว ฝ่ายเทพฉวยโอกาสยึดเอาผอบน้ำอมฤตไปและผิดสัญญาต่อฝ่ายอสูร จึงเกิดเทวสุรสงครามเพื่อแย่งชิงน้ำอมฤตนี้ พระนารายณ์ทรงเข้ามาแก้เหตุเฉพาะหน้าไกล่เกลี่ย โดยแปลงร่างเป็นสาวงามนามว่า “โมหิณี” รับอาสาว่าจะเป็นผู้แบ่งทั้งสองฝ่ายอย่างยุติธรรม แต่ด้วยความที่เข้าข้างฝ่ายเทพด้วยกัน ฝ่ายเทพได้รับน้ำอมฤตก่อนและส่งต่อให้แก่เทพด้วยกันดื่มต่อ ๆ กัน ปล่อยให้ฝ่ายอสูรเฝ้ารออยู่นาน
ด้วยบรรดาฝ่ายอสูรทั้งหมดคงจะมีเพียงเฉพาะพระราหูตนเดียวที่รู้ทันเล่ห์เพทุบายนี้ของฝ่ายเทพ จึงแปลงร่างเป็นเทพเข้าไปนั่งปะปนแทรกอยู่ระหว่าง

Share this story: